ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 22,352.76 จุด เพิ่มขึ้น 68.44 จุด หรือ 0.31%
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีในวันนี้เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้ 02.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยถึงแผนการปรับลดภาษีของเขาในการกล่าวปราศรัยที่เมืองอินเดียนาโพลิสในวันนี้
คาดว่าปธน.ทรัมป์จะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล สู่ระดับ 20% และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากเดิมที่ 39.6%
ทางด้านนางเยลเลนกล่าววานนี้ว่า เฟดจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ คำกล่าวของนางเยลเลนเป็นการยอมรับถึงความยากลำบากในการคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของนโยบายการเงินของเฟด
ประธานเฟดระบุว่า ถึงแม้ยังคงมีความไม่แน่นอนจำนวนมากเกี่ยวกับการปรับตัวของเงินเฟ้อ แต่ก็จะเป็นการไม่เหมาะสมที่เฟดจะคงนโยบายการเงินไว้จนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2%
นางเยลเลนกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะมีความผิดพลาดในการสร้างแบบจำลองเงินเฟ้อ และพิจารณาผิดพลาดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
นางเยลเลนระบุว่า ถึงแม้ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเงินเฟ้อจนทำให้เฟดต้องหันเหออกจากแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เฟดก็จำเป็นต้องเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ดังกล่าว
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในวันนี้ เช่น นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส, นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์, นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 6.8% ในเดือนก.ค.
การดีดตัวของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ และรถยนต์
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 3.3% ในเดือนส.ค.
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ช่วยหนุนตลาดในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ณ เวลา 20.36 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.44% สู่ระดับ 52.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
API เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 761,000 บาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย.
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์อย่างเป็นทางการของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย