ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในสเปนที่ยังคงไม่ยุติ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายส่วนหนึ่งยังได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 1.56 หรือ -0.40% แตะที่ 389.47 จุด ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 0.3%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,955.94 จุด ลดลง 12.11 จุด หรือ -0.09% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,359.90 จุด ลดลง 19.31 จุด หรือ -0.36% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 74,522.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.88 จุด หรือ +0.20%
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในสเปนนั้น นายราอูล โรเมวา ประธานฝ่ายกิจการต่างประเทศของแคว้นกาตาลุญญา กล่าวว่า รัฐสภาของกาตาลุญญาจะทำการเปิดสภาในวันจันทร์หน้าเพื่อทำการอภิปรายที่อาจนำไปสู่การประกาศเอกราชจากสเปน
"รัฐสภาจะเปิดการประชุมเพื่อทำการหารือกัน และสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ" นายโรเมวากล่าว พร้อมระบุว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้จะต้องแก้ไขด้วยการเจรจาทางการเมือง ไม่ใช่ผ่านทางกระบวนการของศาล ซึ่งคำกล่าวของนายโรเมวาถือเป็นท้าทายศาลรัฐธรรมนูญของสเปนที่มีคำสั่งห้ามรัฐสภาของแคว้นกาตาลุญญาทำการเปิดสภาในวันจันทร์ เพื่อขัดขวางไม่ให้แคว้นกาตาลุญญาเดินหน้ากระบวนการแยกตัวเป็นอิสระ
ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นแคว้นกาตาลุญญาได้จัดการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญสเปนประกาศว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ
แคว้นกาตาลุญญามีประชาชนราว 7.5 ล้านคน และเป็นหนึ่งในแคว้นที่ร่ำรวยมากที่สุดในสเปน โดยชาวคาตาลันในแคว้นกาตาลุญญาได้เริ่มเคลื่อนไหวในการรณรงค์แยกตัวเป็นอิสระจากสเปน หลังจากที่เศรษฐกิจของสเปนเผชิญภาวะวิกฤตตั้งแต่ในปี 2543
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จากระดับ 4.4% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ย.ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และอีกหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐต้องปิดกิจการ ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากประสบภาวะตกงานชั่วคราว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.1730 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1711 ดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนวันพฤหัสบดี โดยก่อนหน้านี้เงินยูโรร่วงลง ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ทรุดตัวลงในเดือนก.ย. แต่อัตราการว่างงาน และตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงของแรงงานยังคงบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
โดยโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 80% จากเดิมที่ 75% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ซึ่งระบุถึงการดีดตัวขึ้นของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงของแรงงาน และการร่วงลงของอัตราการว่างงาน
นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปจับตาความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะมีผลต่อตลาดการเงินทั่วโลก
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนส.ค. ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 3.6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากที่หดตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค.
ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น และสะท้อนให้เห็นว่า ภาคโรงงานมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ขณะที่สำนักงานศุลกากรฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสมียอดขาดดุลการค้า 4.5 พันล้านยูโร (5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 5.9 พันล้านยูโรในเดือนก.ค. เนื่องจากยอดส่งออกอุปกรณ์การบิน เครื่องจักรอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านธนาคารกลางฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.5 พันล้านยูโรในเดือนส.ค. ลดลงจากระดับ 4.3 พันล้านยูโรในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีในตลาดหุ้นหลักๆ ของยุโรปต่างปิดแดนลบ ยกเว้นตลาดหุ้นอังกฤษที่ปรับตัวขึ้นสวนกระแส เพราะได้ปัจจัยหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองเกี่ยวกับอนาคตของนางเทเรซ่า เมย์ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
หุ้นธนาคารสเปนร่วง นำโดยหุ้น Banco Sabadell ที่ร่วงลง 1.9% และ CaixaBank ลบ 0.6% หลังมีรายงานว่าแบงก์ใหญ่แคว้นกาตาลุญญาเตรียมย้ายสำนักงาน
โดย Banco Sabadell ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 5 ของสเปน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองบาเซโลนา แคว้นกาตาลุญญา ประกาศแผนย้ายสำนักงานกฎหมายออกจากแคว้นกาตาลุญญา ท่ามกลางความเสี่ยงที่แคว้นกาตาลุญญาจะประกาศแยกตัวออกจากสเปนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
Sabadell ระบุว่า ธนาคารจะเริ่มกระบวนการย้ายสำนักงานกฎหมายไปยังเมืองอาลีกันเตของสเปนในวันศุกร์ ขณะที่สำนักงานใหญ่จะยังคงอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนาต่อไป ส่วนธนาคาร CaixaBank ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นกาตาลุญญาเช่นกัน ก็เตรียมประชุมกรรมการบริหารเพื่อตัดสินใจว่าจะย้ายสำนักงานไปยังหมู่เกาะแบลีแอริกของสเปนหรือไม่
ทั้งนี้ ธนาคารรายใหญ่ของแคว้นกาตาลุญญากำลังได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง หลังจากแคว้นกาตาลุญญาได้จัดทำประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน โดยธนาคารของแคว้นกาตาลุญญากำลังได้รับแรงกดดัน เนื่องจากเกิดกระแสวิตกกังวลว่าธนาคารเหล่านี้อาจต้องเสียฐานลูกค้าในสเปน หากแคว้นกาตาลุญญาประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนจริง
หุ้นสายการบินปรับตัวลดลง โดยหุ้นไรอันแอร์ร่วง 2.9% หลังซีอีโอของสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติไอริชได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะจ่ายเงินให้กับนักบินเพิ่ม หุ้นอีซี่เจ็ทร่วง 1.64% หลังทางสายการบินได้ออกมาเปิดเผยคาดการณ์ผลกำไร แต่ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงแรงกดดันต่างๆที่ภาคอุตสาหกรรมกำลังเผชิญอยู่
หุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวขึ้น โดยเดมเลอร์ เอจี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน บวก 0.4% หลังยอดขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์เพิ่มขึ้น หุ้นเรโนลต์ เอสเอ บวก 0.5% หลังบริษัทรถฝรั่งเศสเผยแผนการกระตุ้นยอดขายรถนอกยุโรป