ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเปิดทำการในวันนี้ (9 ต.ค.) แม้เป็นวันหยุดในสหรัฐ เนื่องในวันโคลัมบัส โดยมีเพียงตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ปิดทำการ
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ โดยหยุดสถิติปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ทรุดตัวลงในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี อย่างไรก็ดี ดัชนีปิดขยับลงเพียง 1.72 จุด หรือ -0.01% เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ดิ่งลงดังกล่าวเป็นผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ยังคงบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จากระดับ 4.4% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ย.ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และอีกหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐต้องปิดกิจการ ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากประสบภาวะตกงานชั่วคราว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%
ตัวเลขรายได้หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ พบว่าเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. หรือเพิ่มขึ้น 12 เซนต์ สู่ระดับ 26.55 ดอลลาร์ และเท่ากับพุ่งขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด สิ่งนี้หมายความว่าเฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 80% จากเดิมที่ 75% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งระบุถึงการดีดตัวขึ้นของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงของแรงงาน และการร่วงลงของอัตราการว่างงาน แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ทรุดตัวลงในเดือนก.ย.