ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น บ่งชี้วอลล์สตรีทดีดตัวคืนนี้ นักลงทุนจับตาปัจจัยการเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 9, 2017 20:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาปัจจัยการเมืองในสหรัฐ และต่างประเทศ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเปิดทำการในวันนี้ แม้เป็นวันหยุดในสหรัฐ เนื่องในวันโคลัมบัส โดยมีเพียงตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ปิดทำการ

ณ เวลา 20.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 43 จุด หรือ 0.19% สู่ระดับ 22,737 จุด

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เรียกร้องต่อสภาคองเกรสให้มีการจัดหาเงินอุดหนุนการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีกหลายพันตำแหน่ง

นอกจากนี้ แผนการดังกล่าวยังรวมถึงมาตรการในการจัดการกับผู้อพยพวัยเยาว์ที่ไม่มีผู้ปกครอง แม้ก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์เคยให้คำมั่นไว้ว่าเขาจะร่วมมือกับพรรคเดโมแครต เพื่อให้การคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐตามโครงการ DACA

ทางด้านศาลสูงของแคว้นกาตาลุญญาออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ตำรวจแห่งชาติของสเปนเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารที่ทำการของศาล เนื่องจากอาจเกิดความวุ่นวายในวันพรุ่งนี้ หากแคว้นกาตาลุญญาประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน

นายโซรายา แซนซ์ เดอ ซานตามาเรีย รองนายกรัฐมนตรีสเปน กล่าวว่า รัฐบาลสเปนพร้อมดำเนินการ หากนายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนในวันพรุ่งนี้

"ถ้าพวกเขาประกาศเอกราช รัฐบาลก็จะตัดสินใจใช้กฎหมายและหลักประชาธิปไตยในการเข้าจัดการ" เขากล่าว

นายปุกเดมองต์เตรียมขึ้นกล่าวอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในรัฐสภากาตาลุญญาในวันพรุ่งนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่าเขาจะใช้โอกาสดังกล่าวในการประกาศเอกราชจากสเปน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ โดยหยุดสถิติปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ทรุดตัวลงในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี อย่างไรก็ดี ดัชนีปิดขยับลงเพียง 1.72 จุด หรือ -0.01% เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ดิ่งลงดังกล่าวเป็นผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ยังคงบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จากระดับ 4.4% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ย.ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และอีกหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐต้องปิดกิจการ ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากประสบภาวะตกงานชั่วคราว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%

ตัวเลขรายได้หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ พบว่าเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. หรือเพิ่มขึ้น 12 เซนต์ สู่ระดับ 26.55 ดอลลาร์ และเท่ากับพุ่งขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด สิ่งนี้หมายความว่าเฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 80% จากเดิมที่ 75% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งระบุถึงการดีดตัวขึ้นของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงของแรงงาน และการร่วงลงของอัตราการว่างงาน แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ทรุดตัวลงในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ