ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขานรับชัยชนะของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงสานต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,344.42 จุด เพิ่มขึ้น 16.05 จุด หรือ 0.07%
ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี NASDAQ สามารถปิดตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ทั้ง 5 วันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งที่ 18 ในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นสหรัฐที่สามารถสร้างปรากฎการณ์ดังกล่าว
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นซีเกท เทคโนโลยีทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ฮัลลิเบอร์ตัน บริษัทผู้ให้บริการด้านการขุดเจาะแหล่งน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากการดำเนินธุรกิจทั่วโลก
ทั้งนี้ ฮัลลิเบอร์ตัน เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 42 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 37 เซนต์/หุ้น
บริษัทเปิดเผยว่า รายได้จากการดำเนินธุรกิจในสหรัฐทะยานขึ้น 91% สู่ระดับ 3.16 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 5% ส่งผลให้รายได้โดยรวมพุ่งขึ้น 42% สู่ระดับ 5.44 พันล้านดอลลาร์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในวันนี้ว่า เขาจะทำการตัดสินใจในไม่ช้าเกี่ยวกับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่
"ผมจะทำการตัดสินใจในไม่ช้า" ปธน.ทรัมป์กล่าวให้สัมภาษณ์ Fox Business Network ซึ่งมีการออกอากาศในวันนี้
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า เขาจะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนใหม่ "ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า" ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันว่า ตัวเก็ง 5 คนที่อาจได้รับการพิจารณาเป็นประธานเฟดคนใหม่ ได้แก่ นางเยลเลน, นายพาวเวล, นายเทย์เลอร์ รวมทั้งนายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ และนายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และสหรัฐในสัปดาห์หน้า