ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับฐานลงหลังจากปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งมีกำหนดจะพิจารณาและลงมติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ พร้อมกับจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ด้วยเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,273.96 จุด ลดลง 54.67 จุด หรือ -0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564.98 จุด ลดลง 10.23 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,586.83 จุด ลดลง 42.23 จุด หรือ -0.64%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.8% ขณะที่หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ดิ่งลง 6.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบ 6 ปี หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้น GE โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อย่าง GE จะปรับลดการจ่ายเงินปันผล ขณะที่หุ้นอาร์โคนิค ดิ่งลง 10.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.4% โดยภาวะการซื้อขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นไปอย่างซบเซาเกือบตลอดทั้งวัน ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.59% นำโดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการด้านการขุดเจาะแหล่งน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.5% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม ส่วนหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ และหุ้นเบอร์เกอร์ ฮิวจ์ ต่างก็ปิดตลาดร่วงลงเช่นกัน
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ขยับขึ้น 0.3% หลังจากมีรายงานว่า ซิสโก ซิสเต็มส์ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทบรอดซอฟต์ อิงค์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.17 ในเดือนก.ย. จากระดับ -0.37 ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีกำหนดจะพิจารณาและลงมติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 51-49 คะแนน ซึ่งจะกรุยทางสู่การพิจารณาแผนปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.