ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) จากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงกว่า 1% เนื่องจากเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 387.13 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,953.41 จุด ลดลง 59.78 จุด หรือ -0.46% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,447.21 จุด ลดลง 79.33 จุด หรือ -1.05% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,374.89 จุด ลดลง 19.91 จุด หรือ -0.37%
นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุม ECB จะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุม ECB อาจจะประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนในปัจจุบัน
ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า GDP ของอังกฤษขยายตัวที่ระดับ 0.4% ในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.3% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นไฮเนเก้น ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แต่ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทเลนอร์ ดีดตัวขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560
ส่วนหุ้นสินค้าแบรนด์ดังปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นคริสเตียน ดิออร์ และหุ้นหลุยส์ วิตตอง ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นเคอริ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่และอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ทะยานขึ้น 8.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3