ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการเปิดเผยหลังจากปิดตลาดเมื่อวานนี้
ณ เวลา 20.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 19 จุด หรือ 0.08% สู่ระดับ 23,368 จุด
บริษัทอเมซอน, ไมโครซอฟต์, อัลฟาเบท และอินเทล ต่างรายงานผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัทพุ่งขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้
สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คึกคักที่สุด โดยบริษัทที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ถึง 1 ใน 3 ได้เปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เอ็กซอน โมบิล ระบุว่า บริษัทมีกำไร 93 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 86 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 6.616 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 6.339 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาด ก็ได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดในวันนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5%
การขยายตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มา
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 2
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า แม้จะเป็นเรื่องยากในการประเมินความเสียหายโดยรวมของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มาต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 3 แต่การประมาณการเบื้องต้นพบว่าพายูเฮอร์ริเคนได้สร้างความสูญเสียต่อสินทรัพย์คงที่ของภาคเอกชนราว 1.21 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์คงที่ของภาครัฐเสียหายราว 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การลงทุนในสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.58 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีส่วนช่วยหนุนตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 คิดเป็นสัดส่วน 0.73%
การส่งออกเพิ่มขึ้น 2.3% ขณะที่การนำเข้าลดลง 0.8% ส่งผลให้การขาดดุลการค้าลดลง และมีส่วนช่วยหนุนตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 คิดเป็นสัดส่วน 0.41%
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.4% หลังจากพุ่งขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2