ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึง ไมโครซอฟท์ อัลฟาเบท อเมซอน และอินเทล นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด หรือ 0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,581.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.67 จุด หรือ 0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,701.26 จุด เพิ่มขึ้น 144.49 จุด หรือ 2.20%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 4.26% หลังจากบริษัทเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 6.73 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 9.57 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.33 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 7.25 ดอลลาร์ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า กำไรต่อหุ้นของกูเกิลจะอยู่ที่ 8.31 ดอลลาร์
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 6.41% หลังจากบริษัทเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ที่ระดับ 6.58 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 84 เซนต์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วที่ระดับ 5.67 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรต่อหุ้น 72 เซนต์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ของไมโครซอฟท์จะอยู่ที่ 72 เซนต์ โดยผลประกอบการของไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นเนื่องจากระบบ Azure ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในธุรกิจคลาวด์ และระบบปฏิบัติการ 365 ของไมโครซอฟท์ ได้รับการตอบรับที่แข็งแกร่งจากลูกค้า
หุ้นอเมซอน ทะยานขึ้น 13.22% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2560 อยู่ที่ 256 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 252 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอเมซอนช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า อเมซอนสามารถดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากเข้าซื้อกิจการโฮลฟู้ดส์ มาร์เก็ตส์ ซึ่งถือเป็นการรุกซื้อธุรกิจครั้งใหญ่สุดของอเมซอน
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 7.38% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มา
นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ ก่อนที่เขาจะเดินทางเนือนประเทศต่างๆในเอเชีย ในวันที่ 3 พ.ย.นี้
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ และสำนักข่าวโพลิติโค รายงานว่า ปธน.ทรัมป์กำลังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจเลือกผู้ที่จะขึ้นดำรงดังกล่าว โดยขณะนี้มีตัวเก็งเหลือเพียง 2 คน คือ นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายอื่นๆได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล เป็นประธานเฟดคนใหม่แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า