ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ถูกกดดันในระหว่างวันจากการแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ สืบเนื่องจากกระแสคาดหวังในตลาดที่ว่า การเจรจา Brexit ระหว่างรัฐบาลสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป (EU) จะมีความคืบหน้าไปในทางที่ดี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกฉุดรั้งจากหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งร่วงลงภายหลังจากผู้บริหารคนสำคัญของบริษัทประกาศเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.07% ปิดที่ 7,493.08 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงกดดันจากการที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังมีรายงานว่า นายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าคณะเจรจา Brexit ฝ่าย EU เปิดเผยว่า เขาจะผลักดันการเจรจา Brexit ให้ได้ข้อสรุปเร็วขึ้น หลังจากที่ดำเนินยืดเยื้อจนส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น
การแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทข้ามชาติซึ่งมีรายได้หลักจากธุรกิจในต่างประเทศ โดยหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ร่วงลง 2.2% หุ้นเพียร์สัน บริษัทสำนักพิมพ์สื่อการเรียนการสอนระดับชั้นนำ ร่วงลง 1.8% และหุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่ ร่วง 1.1%
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่น่าจับตา หุ้นอีซีเจ็ท พุ่งขึ้น 3.2% หลังสายการบินชั้นประหยัดรายใหญ่รายนี้สามารถบรรลุข้อตกลงในการซื้อสินทรัพย์จากแอร์เบอร์ลินที่ประสบภาวะล้มละลาย
หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดิ่งลง 1% หลังบริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องประดับระดับชั้นนำเปิดเผยว่า นายคริสโตเฟอร์ เบลีย์ หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟจะลาออกจากบริษัทภายในสิ้นปีหน้า