ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุดทำนิวไฮตามตลาดหุ้นโลก จับตาผลประชุมเฟด,ว่าที่ประธานเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 1, 2017 21:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ก่อนการประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้

นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

ณ เวลา 20.51 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,498.41 จุด เพิ่มขึ้น 121.17 จุด หรือ 0.52%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมากกว่า 1%

หุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ทะยานขึ้นถึง 11% ขานรับผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3

การดีดตัวของตลาดหุ้นสหรัฐในคืนนี้สอดคล้องกับตลาดหุ้นโลกซึ่งพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการคาดการณ์ที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด เป็นประธานเฟดคนใหม่ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ นายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบ ซึ่งสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน

ดัชนี MSCI world equity index ซึ่งคำนวณจากการปรับตัวของตลาดหุ้นใน 47 ประเทศทั่วโลก ดีดตัวขึ้น 0.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขณะที่มีแนวโน้มปรับตัวดีที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่ปี 2556

ส่วนดัชนี STOXX 600 ของตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2558 ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอน, ปารีส และแฟรงก์เฟิร์ตต่างปรับตัวขึ้นเช่นกัน

ทางด้านตลาดหุ้นเอเชียล้วนดีดตัวอย่างคึกคักในวันนี้ นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดวานนี้ทำสถิติทะยานขึ้นในเดือนที่แล้วมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.

นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทหลายแห่ง เช่น เฟซบุ๊ก และเทสลา จะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดในวันนี้

สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสในวันนี้ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในเดือนต.ค.ได้รับแรงหนุนจากภาคการก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นจากการฟื้นฟูเขตภัยพิบัติซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา

ทั้งนี้ ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 85,000 ตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจต่อข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐได้เลื่อนการเปิดเผยร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีเป็นวันพรุ่งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ