ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทส่งออกในยุโรป อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายหลังจากที่ธนาคารกลางมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 394.94 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,510.50 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.07% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,440.93 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ -0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,555.32 จุด เพิ่มขึ้น 67.36 จุด หรือ +0.90%
หุ้นของบริษัทยุโรปที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลักนั้น ต่างพากันร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส และขยายตัว 2.4% เมื่อเทียบรายปี
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ ดิ่งลง 7.2% หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรก่อนหักภาษีลดลงในไตรมาส 3/2560 หลังจากบริษัทได้ปรับลดการผลิตทองคำลง 9% สู่ระดับ 310,618 ออนซ์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
หุ้นเครดิต สวิส ทะยานขึ้น 4.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 อยู่ที่ระดับ 244 ล้านฟรังก์ (243.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากระดับ 41 ล้านฟรังก์ในไตรมาส 3/2559 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 211 ล้านฟรังก์
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก สวนทางกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ BoE ยังระบุด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีขอบเขตที่จำกัด