(REPEAT)ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 22.93 จุด รับผลประกอบการ "แอปเปิล"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 6, 2017 06:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ย.) ด้วยปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล อิงค์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นแอปเปิลทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ หุ้นแอปเปิลยังหนุนดัชนี NASDAQ ปิดทำนิวไฮครั้งที่ 63 ของปีนี้ ซึ่งทุบสถิติเดิมที่เคยทำนิวไฮได้สูงสุดจำนวน 62 ครั้งในปี 2523

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,539.19 จุด เพิ่มขึ้น 22.93 จุด หรือ +0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,764.44 จุด เพิ่มขึ้น 49.49 จุด หรือ +0.74% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,587.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด หรือ +0.31%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์, NASDAQ และ S&P500 ปิดทำนิวไฮในวันเดียวกันเป็นครั้งที่ 25 ของปีนี้ ด้วยแรงหนุนจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นแอปเปิล หลังแอปเปิลเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.6 เมื่อคืนนี้

แอปเปิลระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.07 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.87 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้ของแอปเปิลอยู่ที่ระดับ 5.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 5.07 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ แอปเปิลสามารถจำหน่าย iPhone รวม 46.7 ล้านเครื่องในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46 ล้านเครื่อง โดยยอดขาย iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 ก.ย. แต่ไม่รวม iPhone X ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 3 พ.ย.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดตัวดัชนีดังกล่าวในปี 2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 58.5

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งแม้จะต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 310,000 ตำแหน่ง แต่ก็เป็นการบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสกว่า 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

ส่วนอัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 4.1% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.2%

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน พุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ

นักลงทุนยังจับตาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ สามารถผลักดันกฎหมายปฏิรูประบบภาษีได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสได้เปิดเผยรายละเอียดร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ