ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทควอลคอมและบรอดคอม นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,548.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,591.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,786.44 จุด เพิ่มขึ้น 22.00 จุด หรือ +0.33%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่ โดยบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร ประกาศทุ่มเงินกว่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อกิจการบริษัทควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน โดยข้อเสนอซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นควอลคอม พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 1.4%
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บริษัทมาร์เวล เทคโนโลยี กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัท Cavium Inc โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 9.1% และหนุนหุ้น Cavium ทะยานขึ้น 12%
หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ พุ่งขึ้น 9.9% หลังจากมีรายงานว่า ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ กำลังเจรจาเพื่อตัดขายธุรกิจบางส่วนให้กับวอลท์ดิสนีย์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นวอลท์ดีสนีย์ พุ่งขึ้น 2.02%
หุ้นเอเอ็มดี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากมีรายงานว่า เอเอ็มดีวางแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทอินเทล เพื่อจัดตั้งธุรกิจผลิตชิพสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอินเทลปรับตัวขึ้น 1.3%
หุ้นไมเคิล คอร์ โฮลดิงส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแฟชั่นชื่อดังของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.01% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะช่วยหนุนผลประกอบการของภาคเอกชน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (Committee on Ways and Means) ได้เริ่มพิจารณาร่างปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สภาผู้แทนราษฎรจะโหวตร่างกฎหมายดังกล่าว ก่อนช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ในวันที่ 22 พ.ย.นี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน