ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 21.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,596.13 จุด เพิ่มขึ้น 47.71 จุด หรือ 0.20%
หุ้นกลุ่มธุรกิจรักษาสุขภาพพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นดาวดูปองท์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 15% ในปีนี้ และทะยานขึ้น 20% นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว
ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส และการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ต่างก็เป็นปัจจัยที่ผลักดันตลาดหุ้นวอลล์สตรีทนับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง
เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์อ้างว่าเขาเป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) จะเป็นวันครบรอบ 1 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ในระหว่างการเดินทางเยือนเอเชียว่า เขาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นประสบความสำเร็จอย่างมากก็เพราะว่าผมนั่นเอง" ปธน.ทรัมป์กล่าว
"ผมทำให้เงินเพิ่มมากขึ้น ผมทำให้การจ้างงานเพิ่มมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมทำ และผมทำได้ดีจริงๆ ดีกว่าที่คนอื่นเข้าใจ และพวกเขาเข้าใจว่าผมทำได้ดี" เขากล่าว
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปธน.ทรัมป์กล่าวอ้างว่าการที่เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งช่วยให้ตลาดหุ้นทะยานขึ้น โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้ทวีตข้อความระบุว่า "มูลค่าตลาดหุ้นได้เพิ่มขึ้นถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 25%"
ขณะนี้ บริษัทเกือบ 85% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 แล้ว ซึ่งบริษัท 74% ในจำนวนดังกล่าว สามารถรายงานตัวเลขกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนเกาะติดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน