ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) ด้วยแรงฉุดของหุ้นกลุ่มค้าปลีกซึ่งร่วงลงจากแรงกดดันของตัวเลขค้าปลีกที่อ่อนแอของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 49.17 จุด หรือ -0.65% ปิดที่ 7,513.11 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยลบจากรายงานของสมาคมผู้ค้าปลีกอังกฤษ (British Retail Consortium) ซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรขยายตัวเพียง 0.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นอัตราการชะลอตัวมากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขณะที่ KPMG ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยการค้าปลีกชั้นนำของโลก ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยรายงานดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดขายในช่วงเทศกาลชอปปิงก่อนวันหยุดคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงจากตัวเลขค้าปลีกที่อ่อนแอของอังกฤษและรายงานเตือนของ KPMG โดยหุ้นมาร์คส์ แอนด์ สเปนเวอร์ ลดลง 1% หุ้นเน็กซ์ ร่วง 1.1% และหุ้นคิงฟิชเชอร์ ดิ่งลง 2.9%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้นกว่า 3% ในระหว่างวัน โดยหุ้นบีพี ขยับขึ้น 0.7%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ แฮลิแฟกซ์ รายงานว่า ราคาที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี ด้วยราคาเฉลี่ยที่ 225,826 ปอนด์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์