ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากมีรายงานข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในตลาดได้บรรเทาลงในระดับหนึ่ง หลังจากคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee) มีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้กับสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะ เพื่อทำการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,461.94 จุด ลดลง 101.42 จุด หรือ -0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.62 จุด ลดลง 9.76 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,750.05 จุด ลดลง 39.07 จุด หรือ -0.58%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 ซึ่งการชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในตลาดได้บรรเทาลงในระหว่างวัน หลังจากคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎรมีมติด้วยคะแนนเสียง 24 ต่อ 16 ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นแอปเปิล หุ้นไมโครซอฟต์ หุ้นอัลฟาเบท หุ้นออราเคิล และหุ้นเฟซบุ๊ก ต่างก็ปรับตัวลงถ้วนหน้า และได้ฉุดดัชนี S&P500 ร่วงลงด้วย
หุ้น Snap Inc ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Snapchat ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 443.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากการชะลอตัวของรายได้ และจำนวนผู้ใช้งาน ขณะที่เผชิญการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด เช่น Instagram และ WhatsApp
หุ้นเมซีส์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 23 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 19 เซนต์
หุ้นไทม์ อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 9.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ลดลง 9.5% สู่ระดับ 679 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 693 ล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 239,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 231,000 ราย และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน โดยจะมีการเปิดเผยในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย