ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ โดยร่วงลงเป็นวันทำการที่ 3 ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
ณ เวลา 21.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,383.56 จุด ลดลง 38.65 จุด หรือ 0.16%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ราคาหุ้น GE ทรุดตัวลงมากกว่า 3% ในวันนี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยว่า ทางบริษัทจะปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50% สู่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น จากเดิมที่ 24 เซนต์/หุ้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธ.ค.
นายจอห์น แฟลนเนอรี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GE กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่มีความจำเป็น ในการบริหารกระแสเงินสดของบริษัท
ทางด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562
ทั้งนี้ การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภามีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องการให้การปรับลดภาษีมีผลบังคับใช้ในทันที ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในวันนี้
บริษัทไทสัน ฟู้ดส์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเนื้อรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท
ไทสัน ฟู้ดส์รายงานว่า รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัทที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.พุ่งขึ้น 10.8% สู่ระดับ 1.015 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9.89 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ไทสัน ฟู้ดส์ระบุว่า ทางบริษัทมีกำไร 1.43 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น
บริษัทควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร โดยมองว่ามีมูลค่าต่ำเกินไป และมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานควบคุมการผูกขาดตลาด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บรอดคอมประกาศทุ่มเงิน 1.03 แสนล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อกิจการควอลคอม โดยข้อเสนอซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
"หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบ ผ่านการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินและทางกฎหมาย คณะกรรมการของเราได้ข้อสรุปว่า ข้อเสนอของบรอดคอมตีราคาควอลคอมต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก ขณะที่มีความไม่แน่นอนของการได้รับอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบ" นายทอม ฮอร์ตัน ประธานบริษัทควอลคอมกล่าว
ทั้งนี้ บรอดคอมเสนอซื้อหุ้นควอลคอมในราคาหุ้นละ 70 ดอลลาร์ โดยบรอดคอมจะจ่ายเป็นเงินสด 60 ดอลลาร์ ส่วนอีก 10 ดอลลาร์จะจ่ายเป็นรูปหุ้นของบริษัทบรอดคอม
นอกจากนี้ หากรวมถึงหนี้สินจำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทควอลคอม การซื้อกิจการในครั้งนี้จะมีวงเงินสูงถึง 1.30 แสนล้านดอลลาร์