ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) จากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลงภายหลังจากจีนได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 0.76 จุด หรือ -0.01% ปิดที่ 7,414.42 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดขายที่อยู่อาศัยของจีนต่างก็ชะลอตัวลงในเดือนต.ค. ทั้งนี้ จีนถือเป็นผู้บริโภคทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่ของโลก รวมถึงแร่โลหะด้วย ดังนั้นข้อมูลที่บ่งชี้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนจึงส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ในอังกฤษเป็นอย่างมาก
หุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 2.9% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.8% และหุ้นเกลนคอร์ ลดลง 2.5%
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นเทสโก ทะยานขึ้น 6.2% หลังมีรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลตลาดและการแข่งขันของสหราชอาณาจักรได้ให้ไฟเขียวกับเทสโกชั่วคราว ในการเดินหน้าควบรวมกิจการกับบุคเกอร์ กรุ๊ป โดยหุ้นบุคเกอร์ ก็พุ่งขึ้น 6.8% จากรายงานดังกล่าว
นักลงทุนในตลาดยังจับตาสถานการณ์การเมืองในอังกฤษอย่างใกล้ชิด หลังสื่อท้องถิ่นรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักรจำนวน 40 คนได้ลงชื่อในหนังสือขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ส่งผลให้ในขณะนี้ต้องการอีกเพียงอีก 8 รายชื่อก็จะสามารถเริ่มกระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวผู้นำหญิงอังกฤษได้อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ตลาดยังจับตาความคืบหน้าในการเจรจา Brexit ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า รัฐสภาสหราชอาณาจักรจะมีสิทธิ์ในการพิจารณาลงมติว่ายอมรับข้อตกลง Brexit ฉบับสุดท้ายหรือไม่