ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มเหมืองร่วงลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงในเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.6% ปิดที่ 383.86 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,033.48 จุด ลดลง 40.94 จุด หรือ -0.31% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,315.58 จุด ลดลง 26.05 จุด หรือ -0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,414.42 จุด ลดลง 0.76 จุด หรือ -0.01%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 6.6% และหากเทียบเป็นรายเดือน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ขยับขึ้นเพียง 0.5% จากระดับเดือนก.ย.
ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของจีน ขยายตัวเพียง 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 10.3%
ทั้งนี้ หุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 2.9% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.8% และหุ้นเกลนคอร์ ลดลง 2.5%
หุ้นเฮงเคล ดิ่งลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิลดลงในไตรมาส 3
หุ้นเทสโก ทะยานขึ้น 6.2% หลังมีรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลตลาดและการแข่งขันของสหราชอาณาจักรได้ให้ไฟเขียวกับเทสโกชั่วคราว ในการเดินหน้าควบรวมกิจการกับบุคเกอร์ กรุ๊ป โดยหุ้นบุคเกอร์ ก็พุ่งขึ้น 6.8% จากรายงานดังกล่าว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าระดับ 0.7% ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าระดับ 2.3% ในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจา Brexit ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า รัฐสภาสหราชอาณาจักรจะมีสิทธิ์ในการพิจารณาลงมติว่ายอมรับข้อตกลง Brexit ฉบับสุดท้ายหรือไม่