ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 381.96 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,976.37 จุด ลดลง 57.11 จุด หรือ -0.44% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,301.25 จุด ลดลง 14.33 จุด หรือ -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.61 จุด ลดลง 41.81 จุด หรือ -0.56%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 6.6% และยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของจีนที่ขยายตัวเพียง 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 10.3% ทั้งนี้ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 1.5% หุ้นเกลนคอร์ ปรับตัวลง 1.4% หุ้นริโอ ทินโต ขยับลง 0.9% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.2%
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 1.5% ขณะที่หุ้นบีพี ร่วงลง 1.6%
หุ้นแอร์บัส พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากแอร์บัสได้บรรลุข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินโดยสารตระกูล A320neo ให้แก่ "อินดิโก พาร์ทเนอร์ส" ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านสายการบินชั้นประหยัดของสหรัฐ จำนวน 430 ลำ มูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงซื้อขายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอร์บัส
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี นักวิเคราะห์มองว่า การสร้างเงื่อนไขใหม่ของวุฒิสภานั้น ถือเป็นอุปสรรคต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว อีกทั้งจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีทรัมป์ โดยนับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนม.ค.เป็นต้นมา คณะทำงานของเขาก็ยังไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายฉบับสำคัญให้มีผลบังคับใช้ได้เลย แม้ว่ารีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาก็ตาม