ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และซิสโก ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,458.36 จุด พุ่งขึ้น 187.08 จุด หรือ +0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,585.64 จุด เพิ่มขึ้น 21.02 จุด หรือ +0.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,793.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.08 จุด หรือ +1.30%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 11% ขณะที่หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิและผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายหนังสือรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.6% ขณะที่หุ้นเจเอ็ม สมัคเกอร์ ผู้ผลิตกาแฟ Folgers ทะยานขึ้น 9.5% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดเช่นกัน
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากมีรายงานว่า นายเนลสัน เพลท์ส ซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียง จะเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของ P&G
หุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาด และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.9% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่ต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน และยังเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมสามารถฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาไปได้
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 140 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้คือ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.