ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวผันผวนในวันนี้ โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากการปรับฐานลงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนเริ่มซึมซับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,024.00 จุด เพิ่มขึ้น 20.51 จุด, +0.07% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,723.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด, +0.01% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 33,575.91 จุด เพิ่มขึ้น 14.36 จุด, +0.04%
รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้นบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยกรรมการเฟดเชื่อว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคเอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน
อย่างไรก็ตาม มีกรรมการเฟดบางส่วนให้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมกับแนะนำให้เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่กรรมการเฟดอีกส่วนหนึ่งมองว่า การประวิงเวลานานเกินไปในการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน หรือถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินช้าเกินไป อาจจะสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียค่อนข้างซบเซาในช่วงเช้านี้ เนื่องจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในช่วงเช้านี้ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสิงคโปร์ (MTI) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขยายตัว 8.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 6.3% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งในภาคการผลิต