ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศกร์ (24 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากมีรายงานว่า ชาวสหรัฐได้ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างคึกคักในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ราคาหุ้นเด่นๆ เช่นหุ้นอเมซอน ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,557.99 จุด เพิ่มขึ้น 31.81 จุด หรือ +0.14% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,889.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.80 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,602.42 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.21%
ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. หลังจากที่ปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
นักลงทุนยังคงจับตายอดขายของบริษัทค้าปลีกในช่วงแบล็กฟรายเดย์ หรือวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า รวมทั้งวันไซเบอร์มันเดย์ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
อะโดบี อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันได้ใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์เป็นจำนวนเงินมากกว่า 1.52 พันล้านดอลลาร์ ณ เวลา 17.00 น.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจับจ่ายในช่วงวันแบล็กฟรายเดย์ปีนี้ อาจจะแซงตัวเลขการจับจ่ายในช่วงวันไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งเป็นวันที่มีการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากที่สุด นอกจากนี้ คาดว่าผู้บริโภคจะยังคงซื้อสินค้าอย่างคึกคักในช่วงเช้าของวัน "สมอล บิสซิเนส แชทเทอร์เดย์" หรือวันเสาร์ถัดจากวันแบล็กฟรายเดย์
ทางด้านสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค.ปีนี้ อาจแตะระดับ 6.558 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2.5% ในช่วงเวลา 10 ปี และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.4% ในช่วง 7 ปีนับตั้งแต่ปี 2552 ที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว
หุ้นอเมซอนทะยานขึ้น 2.6% ส่วนหุ้นวอลมาร์ทปรับตัวขึ้น 0.2% ขณะที่หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐกลับร่วงลง 2.8% และหุ้นอีเบย์ปรับตัวลง 0.3% สวนทางตลาด
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ดีดตัวขึ้น 0.3% หลังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ออกมาเปิดเผยว่า นายเจมส์ ทิสช์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหาร ได้เข้ามาซื้อไปจำนวน 3 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 53.7 ล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่นายจอห์น แฟลนเนอรี ประธานบริหารคนใหม่ และนายฟรานซิสโก ดีซูซา คณะกรรมการบอร์ด ก็ได้ซื้อหุ้นไปเป็นมูลค่าราว 2 ล้านดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากราคาหุ้น GE ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. จากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อแผนการปรับโครงสร้างบริษัทและการปรับลดการจ่ายเงินปันผล โดย GE แถลงว่า ทางบริษัทจะปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50% สู่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น จากเดิมที่ 24 เซนต์/หุ้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธ.ค.