ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการขยายตัวสูงกว่าคาดในไตรมาส 3
ณ เวลา 21.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,941.93 จุด เพิ่มขึ้น 105.22 จุด หรือ 0.44%
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยสูงกว่าตัวเลขตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.0% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2%
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.1% ในไตรมาส 2 โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ รวมทั้งการใช้จ่ายในภาครัฐ แม้ว่าผู้บริโภคได้ชะลอการใช้จ่าย
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 ที่เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตในระดับ 3% หรือมากกว่า เป็นเวลา 2 ไตรมาสติดต่อกัน
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ โดยเรียกร้องให้สภาคองเกรสออกนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เพื่อให้หลุดพ้นจากการขยายตัวในระดับต่ำในช่วงหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นางเยลเลนได้แสดงมุมมองในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็ได้เตือนว่ายังคงมีปัญหาทางด้านโครงสร้างที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งได้แก่ ประชากรวัยสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตที่ซบเซา ซึ่งสภาคองเกรสควรพิจารณานโยบายที่จะกระตุ้นการลงทุนในภาคธุรกิจ, ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ, ยกระดับคุณภาพของระบบการศึกษา และนวัตกรรม รวมทั้งผลักดันการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ
นางเยลเลนยังได้กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว
นางเยลเลนระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ขยายตัวในวงกว้าง และหากมีการปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เศรษฐกิจก็จะยังคงมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง
ประธานเฟดยังได้กล่าวถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นในระยะนี้ โดยระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต แต่ความเสี่ยงต่อระบบยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความแข็งแกร่งของระบบธนาคาร ขณะที่ปริมาณหนี้และสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าวุฒิสภาสหรัฐจะให้การรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการงบประมาณประจำวุฒิสภาสหรัฐ มีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ ด้วยคะแนนเสียง 12 ต่อ 11 เสียง ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาเต็มคณะทำการพิจารณาต่อไป
การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีจากคณะกรรมาธิการงบประมาณประจำวุฒิสภาสหรัฐ ถือเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนให้เห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีแนวโน้มที่จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาเต็มคณะในการลงมติพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังให้ความสนใจต่อการกล่าวสุนทรพจน์ของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก และนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ในวันนี้ เพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย