ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง สเตนฮอฟฟ์ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งส์ และซากา พีแอลซี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 386.32 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,998.85 จุด ลดลง 49.69 จุด หรือ -0.38% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,374.35 จุด ลดลง 1.18 จุด หรือ -0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,348.03 จุด เพิ่มขึ้น 20.53 จุด หรือ +0.28%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 0.6% นำโดยหุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ดิ่งลง 3.7% และหุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 1.9% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า นโยบายภาษีขั้นต่ำ (AMT) ในร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐที่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
หุ้นสเตนฮอฟฟ์ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งส์ ทรุดฮวบลง 63% หลังจากนายมาร์คัส จูส ซีอีโอของบริษัทได้ประกาศลาออก ภายหลังจากมีการตรวจสอบด้านบัญชี ขณะที่หุ้นซากา ดิ่งลง 21% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ ด้วยอานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร สืบเนื่องจากการเจรจา Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป (EU) ยังไร้สัญญาณความคืบหน้าที่สำคัญ
หุ้นอีซีเจ็ท พุ่งขึ้น 1.3% หลังเจพีมอร์แกน คาเซนอฟ ได้ปรับขึ้นน้ำหนักความน่าลงทุนในหุ้นสายการบินชั้นประหยัดรายนี้สู่ระดับ "overweight" จากระดับ "underweight"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนต.ค.ขยายตัว 0.5% หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเดือนก.ย.