ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) ขานรับรายงานของยูโรสแตทซึ่งระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มยูโรโซนยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ได้ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.03% ปิดที่ 386.42 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,045.15 จุด เพิ่มขึ้น 46.30 จุด หรือ +0.36% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,383.86 จุด เพิ่มขึ้น 9.51 จุด หรือ +0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,320.75 จุด ลดลง 27.28 จุด หรือ -0.37%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น หลังจากยูโรสแตทรายงานว่า การประมาณการครั้งสุดท้ายของตัวเลข GDP ยูโรโซนในไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
หุ้นสกาย พีแอลซี ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากมีรายงานว่า หลังมีรายงานว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นของสกาย และทเวนตี้-เฟิร์สท์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ ใกล้บรรลุข้อตกลงซื้อธุรกิจบางส่วนในบริษัทวอลท์ดิสนีย์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อ่อนแรงลง โดยหุ้นริโอ ทินโต ลดลง 1.7% หุ้นแองโกล อเมริกัน ขยับลง 0.7% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับลง 0.6%
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ ด้วยแรงกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร
นักลงทุนยังคงจับตาข้อตกลง Brexit ของอังกฤษอย่างใกล้ชิด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ จะสามารถนำเสนอข้อตกลง Brexit ที่สร้างความพอใจแก่สหภาพยุโรป (EU) ได้ทันภายในกำหนดเส้นตายวันอาทิตย์นี้ (10 ธ.ค.)
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปได้ขีดเส้นตายแก่ผู้นำสหราชอาณาจักรจนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ 10 ธ.ค. เพื่อหาทางออกในเรื่องเขตแดนของไอร์แลนด์หลังจากที่อังกฤษได้แยกตัวออกจาก EU ไปแล้ว โดยประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การเจรจา Brexit ระหว่างสองฝ่ายไม่มีความคืบหน้าและไม่สามารถเดินหน้าสู่การเจรจาขั้นต่อไปได้
รายงานระบุว่า ผู้นำ EU จะประชุมหารือกันที่กรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาดูว่า ในช่วงที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาในข้อตกลง Brexit เพื่อที่จะเดินหน้าสู่การเจรจาในขั้นตอนต่อไปหรือไม่