ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ขานรับสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) ที่บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.73% ปิดที่ 389.25 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,153.70 จุด เพิ่มขึ้น 108.55 จุด หรือ +0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,399.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.23 จุด หรือ +0.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,393.96 จุด เพิ่มขึ้น 73.21 จุด หรือ +1.00%
สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับการเจรจาในประเด็นวงเงินที่สหราชอาณาจักรจะต้องชำระให้กับ EU ก่อนแยกตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะปูทางสู่การเจรจาเกี่ยวกับอนาคตของภาคธุรกิจภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นเป็นเวลายาวนานถึง 6 เดือน ในที่สุดสหราชอาณาจักร และ EU ก็ได้บรรลุข้อตกลงใน 3 ประเด็นหลัก ซึ่งได้แก่วงเงินที่สหราชอาณาจักรจะต้องชำระให้กับ EU ก่อนแยกตัวอย่างเป็นทางการ, ประเด็นสิทธิพลเรือน และประเด็นเขตแดนของไอร์แลนด์หลังจากที่อังกฤษได้แยกตัวออกจาก EU
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า สิทธิของประชากรชาว EU ที่อาศัยในสหราชอาณาจักรนั้น จะได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายของสหราชอาณาจักร พร้อมระบุว่า ปัญหาเรื่องเขตแดนในไอร์แลนด์เหนือจะได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ดี
ทางด้านนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า การเจรจา Brexit ในขั้นตอนแรกนั้น มีความคืบหน้าด้วยดี และหลังจากนี้จะมีการเจรจาในขั้นที่สอง
หุ้นธนาคารปรับตัวขึ้นทั่วภูมิภาค โดยหุ้นดอยช์แบงก์พุ่ง 3.3% หุ้นบาร์เคลย์เพิ่มขึ้น 2.5% และหุ้นโซซิเอเต เจเนอรัล เพิ่มขึ้น 2.3%
หุ้นภาคธนาคารปรับตัวขึ้นโดยได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวข้อตกลง Brexit ตลอดจนการประกาศของคณะกรรมาธิการบาเซิลว่าด้วยการกำกับดูแลภาคธนาคาร ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคธนาคารทั่วโลกเห็นพ้องกันเกี่ยวกับเกณฑ์ Basel-III ขั้นสุดท้าย
ตลอดสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.4%