ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งในแดนบวกและลบ ภายหลังจากที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวสูงขึ้นขานรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นภายหลังจากที่มีรายงานว่า ท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนือจะปิดทำการเป็นเวลาหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับเหตุระเบิดย่านไทม์สแควร์ในแมนฮัตตันเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างรอดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางยุโรป
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,832.66 จุด ลดลง 132.63 จุด, -0.46% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 33,426.59 จุด ลดลง 29.20 จุด, -0.09% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,721.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด, +0.09%
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของซีเอ็นบีซีว่า ท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนือจะปิดทำการเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบรอยแตกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ท่อส่งนำมันแห่งนี้สามารถลำเลียงน้ำมันได้ในปริมาณ 450,000 บาร์เรลต่อวันจากบ่อน้ำมันนอกชายฝั่งของทะเลเหนือไปยังโรงกลั่นน้ำมันในสก็อตแลนด์
ข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งเอเชียที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ของญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557 โดยดัชนี PPI เป็นมาตรวัดราคาค้าส่ง หรือต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน
ทั้งนี้ ดัชนี PPI เดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยมีสาเหตุมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานในวันนี้ว่า ราคาบ้านในออสเตรเลียปรับตัวลง 0.2% ในไตรมาส 3/2560 ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 0.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 1.9% ในไตรมาส 2/2560
ตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 85% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค.และมิ.ย.