ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากมีการเปิดเผยยอดขายที่ซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ 391.63 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,183.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.88 จุด, +0.46% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,500.41 จุด เพิ่มขึ้น 46.93 จุด, +0.63% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,427.19 จุด เพิ่มขึ้น 40.36 จุด, +0.75% หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดลอนดอนพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่า ท่อส่งน้ำมันโฟร์ตี้ส์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือ ได้ปิดดำเนินการเพื่อซ่อมรอยแตกเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ทั้งนี้ หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นโททาล ปรับตัวขึ้น 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง แม้บริษัทแคนตาร์ เวิลด์แพเนล ได้เปิดเผยว่า บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ 4 แห่งของสหราชอาณาจักรมียอดขายที่เติบโตขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์สิ้นสุด ณ เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ร่วงลง 4.5% หุ้นเจ เซนส์บิวรี ดิ่งลง 4.1% แต่หุ้นเทสโก ขยับขึ้น 0.1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 3.1% เทียบรายปี ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2555 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนต.ค. โดยดัชนี CPI เดือนพ.ย.สอดคล้องกับคาดการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อจะถึงจุดสูงสุดเหนือ 3.0% ก่อนสิ้นปีนี้