ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันในวันนี้
คาดว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างผันผวนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันส่งมอบสัญญาล่วงหน้าดัชนีหุ้น, สัญญาล่วงหน้าหุ้น, ออปชั่นดัชนีหุ้น และออปชั่นหุ้นพร้อมกัน
ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 90 จุด หรือ 0.38% สู่ระดับ 24,647 จุด
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันเตรียมเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายที่ผ่านการรวมเนื้อหาของร่างกฎหมายของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
ทางด้านนายออร์ริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการภาษีประจำวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะทำการลงมติในวันที่ 18 ธ.ค.ต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายฉบับดังกล่าว ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติในวันที่ 19 ธ.ค.
นายแฮทช์กล่าวว่า เขาหวังว่าร่างกฎหมายฉบับผสมระหว่างร่างของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรจะสามารถคลายความวิตกของนายมาร์โค รูบิโอ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญกับอุปสรรคอีกครั้ง หลังจากนายรูบิโอ และนายไมค์ ลี สองวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยกับแกนนำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า พวกเขาจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับผสมนี้ หากไม่มีการเพิ่มวงเงินในการลดหย่อนภาษีสำหรับการสงเคราะห์บุตร
ที่ผ่านมานั้น นายรูบิโอและนายลีได้พยายามผลักดันให้ครอบครัวชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อย สามารถรับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีให้มากที่สุด
ความเคลื่อนไหวของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันทั้งสองรายนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่สมาชิกสภาคองเกรสกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการรวมเนื้อหาในร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของทั้งสองสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทางด้านปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ คาดหวังว่า สภาคองเกรสจะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้เขาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายและมอบเป็นของขวัญวันคริสต์มาสแก่ชาวอเมริกัน
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) อ่อนตัวลงในเดือนธ.ค. หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีในเดือนต.ค
ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 18.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 19.4 ในเดือนพ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน แต่ยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก
ก่อนหน้านี้ ดัชนีพุ่งแตะระดับ 30.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี