ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ ขานรับความเชื่อมั่นที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.2% ปิดที่ 392.66 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,312.30 จุด พุ่งขึ้น 208.74 จุด หรือ +1.59% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,420.58 จุด เพิ่มขึ้น 71.28 จุด หรือ +1.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,537.01 จุด เพิ่มขึ้น 46.44 จุด หรือ +0.62%
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น จากความหวังที่ว่ามาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนภาคการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น โดยหุ้นเอชเอสบีซี ขยับขึ้น 0.6% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.5% นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดแล้ว ร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีที่ผลักดันโดยสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภานั้น จะสามารถผ่านความเห็นชอบในสภาคองเกรส และส่งต่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามเป็นกฎหมายภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนายบ็อบ คอร์เกอร์ และมาร์โค รูบิโอ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากเทนเนสซีและฟลอริดาซึ่งมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับแผนปฏิรูปภาษีก่อนหน้านี้ ได้ออกมายืนยันว่า พวกเขาจะโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว
การประสานเสียงสนับสนุนของคอร์เกอร์และรูบิโอ จะทำให้รีพับลิกันสามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 52-48 คะแนน ในกรณีที่พรรคเดโมแครตออกเสียงคัดค้านทั้งหมด
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งสหราชอาณาจักร ได้ประชุมหารือกับสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับกระบวนการ Brexit หลังจากนี้ หลังจากที่ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นพ้องที่จะเดินหน้าการเจรจา Brexit สู่ขั้นตอนที่ 2 โดยนายกฯเมย์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหราชอาณาจักรจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านการค้ากับ EU ด้วยเงื่อนไขตามที่อังกฤษต้องการอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าคณะเจรจาฝ่าย EU จะยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน