ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนที่ถึงช่วงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ปัจจัย Brexit จะฉุดรั้งเศรษฐกิจของอังกฤษชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.5% ในปีหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.7% แตะระดับ 388.37 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,069.17 จุด ลดลง 146.62 จุด หรือ -1.11% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,525.22 จุด ลดลง 18.87 จุด หรือ -0.25% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,352.77 จุด ลดลง 30.14 จุด หรือ -0.56%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนถึงช่วงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการลงมติร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยตลาดหุ้นยุโรปได้ปิดทำการซื้อขายไปก่อนที่สภาผู้แทนฯสหรัฐจะเปิดเผยผลการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าว
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดอ่อนแรงลง หลังจาก IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีหน้า ซึ่งลดลงจาก 1.6% ในปีนี้ โดยระบุว่าความไม่แน่นอนที่เกิดจากการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัว
รายงานระบุว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit ได้ส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น, เกิดแรงกดดันต่อค่าแรง ขณะที่ภาคธุรกิจชะลอการลงทุน
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 0.5% หลังจากศาลอิตาลีตัดสินว่า บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ และบริษัท ENI SpA ของอิตาลี จะถูกดำเนินคดีในข้อหาจ่ายสินบน 1.1 พันล้านดอลลาร์ในไนจีเรีย
หุ้นสเตนฮอฟฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 35% อันเนื่องมาจากข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับรายงานด้านบัญชี