ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวในช่วงแคบวันนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
ณ เวลา 21.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,765.38 จุด ลดลง 16.91 จุด หรือ 0.07%
ถึงแม้ดัชนีอ่อนตัวลงในวันนี้ แต่ก็อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในสัปดาห์นี้ไม่ถึง 1%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น ก่อนที่จะถึงเส้นตายภายในเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หลังจากที่สภาคองเกรสให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 231 ต่อ 188 อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น ก่อนที่วุฒิสภาจะมีมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 66 ต่อ 32
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศต่อไปจนถึงวันที่ 19 ม.ค. และจะช่วยให้หลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล
ทั้งนี้ งบประมาณระยะสั้นดังกล่าว ประกอบด้วยงบ 2.85 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการประกันสุขภาพสำหรับเด็ก, งบประมาณ 750 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการรักษาโรคเบาหวาน และสำหรับศูนย์สุขภาพในชุมชนต่างๆ นอกจากนี้ ยังรวมถึงงบสำหรับโครงการขีปนาวุธและรายจ่ายอื่นๆของกระทรวงกลาโหมวงเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนต.ค.
การปรับตัวขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับผลบวกจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ และรถยนต์
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.1% ในเดือนพ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
หากมีการปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. หลังจากทรงตัวในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.
ส่วนตัวเลขการออมของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 4.262 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 จากระดับ 4.669 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.
อัตราการออมลดลงสู่ระดับ 2.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2550 หลังจากอยู่ที่ระดับ 3.2% ในเดือนต.ค.
ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับ 2.0% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด โดยได้อยู่ต่ำกว่าระดับดังกล่าวนับตั้งแต่กลางปี 2555