ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นซึ่งหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ตลาดยังได้อานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างเน็กซ์
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 23.01 จุด หรือ +0.30% ปิดที่ 7,671.11 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ภายหลังจากที่อังกฤษเปิดเผยข้อมูลภาคการก่อสร้างที่อ่อนแอ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ร่วงลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 53.1 ในเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 52.9
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.3518 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ จากระดับ 1.3589 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันอังคาร ซึ่งการอ่อนค่าของเงินปอนด์ได้หนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ราว 75% ของบริษัทเหล่านี้มาจากธุรกิจในต่างประเทศ
ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเน็กซ์ โดยบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าและเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่รายนี้เปิดเผยยอดขายช่วงเวลา 54 วันสิ้นสุด ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2017 พุ่งขึ้น 13.6% เมื่อเทียบรายปี โดยหุ้นเน็กซ์พุ่งขึ้น 6.7% ขานรับรายงานดังกล่าว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นทั้งกระดานตามทิศทางสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กและน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดลอนดอนที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในอิหร่านอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 1.4%