ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากความวิตกกังวลในสถานการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มโอเปก
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ +0.32% ปิดที่ 7,695.88 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น สืบเนื่องจากสถานการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิหร่านยังคงตึงเครียด ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 คน และมีผู้ถูกทางการจับกุมกว่า 400 คน โดยหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.1%
ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของอังกฤษ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นเกิดคาดสู่ระดับ 54.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 53.8 ในเดือนพ.ย. ทั้งนี้ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากที่อังกฤษเปิดเผยข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและก่อสร้างที่ชะลอตัวลงก่อนหน้านี้
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นวิตเบรด ขยับขึ้น 0.7% หลังบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเชนร้านกาแฟคอสตา คอฟฟีและเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ รายนี้เปิดเผยว่า อดัม โครซิเออร์ จะดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัทแทนริชาร์ด เบเกอร์ ที่จะก้าวลงจากเก้าอี้บอร์ดบริหารในวันที่ 28 ก.พ.