ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในวันนี้
ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
ณ เวลา 21.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,137.38 จุด เพิ่มขึ้น 62.25 จุด หรือ 0.25%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 25,000 จุดเมื่อวานนี้ โดยใช้เวลาเพียง 23 วันทำการในการทะยานขึ้นจากระดับ 24,000 จุด ไปยัง 25,000 จุด ซึ่งถือเป็นการทำสถิติพุ่งขึ้น 1,000 จุดของดัชนีดาวโจนส์ที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังในวันนี้
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 76% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ลดลงจากระดับ 78% ก่อนเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน และนักลงทุนยังคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งหลังจากเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้นเพียง 148,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี เช่นเดียวกับในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 252,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 244,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนธ.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 146,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 2,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ทรงตัวที่ระดับ 62.7%
นายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวในวันนี้ว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นายฮาร์เกอร์ระบุว่า เฟดควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น
ความเห็นของนายฮาร์เกอร์ที่แนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ แตกต่างจากเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
นายฮาร์เกอร์ไม่ได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ที่มีสิทธิลงมติในปีนี้ แต่ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. เขาได้ลงมติเห็นชอบต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50%