ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและมาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,574.73 จุด พุ่งขึ้น 205.60 จุด หรือ +0.81% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,767.56 จุด เพิ่มขึ้น 19.33 จุด หรือ +0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,211.78 จุด เพิ่มขึ้น 58.21 จุด หรือ +0.81%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 8 สัปดาห์ ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.01% หุ้นเชฟรอน ทะยานขึ้น 3% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 1.6% หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 5.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 4.8%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างผลสำรวจของรอยเตอร์ว่า บริษัทสหรัฐที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะมีผลกำไรโดยรวมเพิ่มขึ้นราว 11.8% และจะมีรายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 6.9%
สำหรับบริษัทที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ในวันนี้ได้แก่ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, ธนาคารแบล็คร็อค และธนาคารเวลส์ฟาร์โก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามเพื่อบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีในช่วงก่อนวันคริสต์มาสปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 2529 โดยกฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35%
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากสายการบินรายใหญ่แห่งนี้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ที่ดีเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2561
หุ้นซีร็อกซ์ ทะยานขึ้น 5% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ซีร็อกซ์กำลังเจรจาเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางธุรกิจร่วมกับบริษัทฟูจิฟิล์ม โฮลดิ้งส์ ของญี่ปุ่น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและมุมมองบวกที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐนั้น ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน ซึ่งรวมถึงรายงานที่ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และจากการแสดงความเห็นของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กซึ่งระบุว่า มาตรการปรับลดภาษีของปธน.ทรัมป์จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะร้อนแรงเกินไป และอาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในปี 2561
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.