ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 31,211.32 จุด เพิ่มขึ้น 90.93 จุด, +0.29% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,820.88 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด, +0.22% ส่วนดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,697.46 จุด ลดลง 12.97 จุด, -0.05%
ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์และดัชนีหลักๆของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น ประกอบกับการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับบริษัทที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ในวันนี้ ได้แก่ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, แบล็คร็อค และธนาคารเวลส์ฟาร์โก
ส่วนข้อมูลการค้าจีนซึ่งตลาดจับตาอย่างใกล้ชิดนั้น สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดนำเข้าของจีนในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 4.5% เทียบรายปี ขณะที่ยอดส่งออกพุ่งขึ้น 10.9% ซึ่งส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค.ทั้งสิ้น 5.469 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในรายงานเบื้องต้นวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.35 ล้านล้านเยน (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนพ.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งส่งผลให้ญี่ปุ่นทำสถิติเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 41 เดือน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.