ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการสถาบันการเงินแข็งแกร่ง โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,803.19 จุด เพิ่มขึ้น 228.46 จุด หรือ +0.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.24 จุด เพิ่มขึ้น 18.68 จุด หรือ +0.67% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 7,261.06 จุด เพิ่มขึ้น 49.28 จุด หรือ +0.68%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากสถาบันการเงินเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
เจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารมีรายได้ 2.545 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.76 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.69 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4
แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทพุ่งขึ้นทะลุระดับ 6 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แบล็คร็อค ระบุว่า บริษัทมีกำไร 6.24 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.02 ดอลลาร์/หุ้น และบริษัทมีรายได้ 3.469 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.321 พันล้านดอลลาร์
แบล็คร็อคยังระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่า 6.288 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.248 ล้านล้านดอลลาร์
เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด โดยธนาคารมีรายได้ 2.205 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.16 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.238 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.07 ดอลลาร์/หุ้น
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.65% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.71% และหุ้นแบล็คร็อค พุ่งขึ้น 3.27%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในรายงานอีกฉบับว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากที่ทรงตัวในเดือนต.ค.
สำหรับสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่ไม่รวมรถยนต์ ซึ่งมีการนำไปคำนวณตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่า, การดูแลสุขภาพ และราคารถยนต์
หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 4.5% หลังจากมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กระบุว่า เฟสบุ๊กเตรียมคุมเข้มเนื้อหาบนไทม์ไลน์ โดยจะแสดงเนื้อหาข่าวให้น้อยลง เน้นแสดงข้อมูลเพื่อนฝูงและครอบครัวมากขึ้น
หุ้นสแนปร่วงลง 3.4% หลังจากเรย์มอนด์ เจมส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสแนปสู่ระดับ Underperform
ในสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.6% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 1.7%