ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สหรัฐอาจต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,792.86 จุด ลดลง 10.33 จุด หรือ -0.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,223.69 จุด ลดลง 37.38 จุด หรือ -0.51% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,776.42 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.35%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกชัตดาวน์ภายในสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากความเห็นที่ไม่ลงรอยกันในประเด็นนโยบายรับคนเข้าเมือง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาอาจยกเลิกข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมืองของสหรัฐที่จัดทำขึ้นบนความรอมชอมระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน ขณะเดียวกันคณะทำงานของปธน.ทรัมป์พยายามผลักดันให้ยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทางด้านผู้พิพากษาศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า การยกเลิกโครงการ DACA นั้นผิดต่อหลักกฎหมาย และรัฐบาลสหรัฐควรดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ชะลอตัวลงในเดือนม.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 17.7 หลังจากแตะระดับ 18.0 ในเดือนธ.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.6% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 1.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.2%
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 2.9% หลังจากจีอีระบุว่า การปรับพอร์ทธุรกิจด้านการประกันของจีอี แคปิตอล อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ของจีอี
ยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากยูไนเต็ดเฮลท์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 2.59 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.51 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 5.206 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.100 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากซิตี้กรุ๊ประบุว่า ธนาคารมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 1.28 ดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.7255 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน