ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมนี ขณะที่หุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้น หลังจากสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 398.35 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,246.33 จุด เพิ่มขึ้น 45.82 จุด หรือ +0.35% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,513.82 จุด เพิ่มขึ้น 4.13 จุด หรือ +0.07% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,755.93 จุด ลดลง 13.21 จุด หรือ -0.17%
หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นเปอร์โยต์ ปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประมาณการว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของเปอร์โยต์ในปี 2560 จะเพิ่มขึ้น 15% ส่วนหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ทะยานขึ้น 3.2% ขณะที่หุ้นคอนทิเนนทัล เอจี ซึ่งเป็นบผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 1.1%
หุ้นเทสโก พุ่งขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นหุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู๊ดส์ (ABF) พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากนักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์สได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น ABF ขึ้นสู่ระดับ "overweight" จากระดับ "equal weight"
หุ้นฮูโก บอสส์ เอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายรายใหญ่ของเยอรมนี ทะยานขึ้น 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4/2560 พุ่งขึ้นแตะระดับ 900 ล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจในสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของยูโรจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตโดยบริษัทส่งออกของยุโรปนั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับลูกค้าในต่างประเทศที่ต้องการซื้อสินค้าของยุโรป
นายฟรองซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาลอ กรรมการอีกคนหนึ่งของ ECB กล่าวว่า ECB จะต้องจับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร อันเนื่องจากแรงกดดันของยูโรที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อ โดยคำกล่าวของนายวิลเลอรอยมีขึ้นหลังจากที่ยูโรพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเทียบดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา