ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) หลังจากเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยจำกัดการร่วงลงของตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,715.44 จุด ลดลง 15.35 จุด หรือ -0.20%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลง เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
ในบรรดาหุ้นบริษัทข้ามชาติที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ได้แก่ หุ้นแอชทีด กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.3% ขณะที่หุ้นดิอาจิโอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวอดก้า "Smirnoff" และวิสกี้ "Johnnie Walker" ร่วงลง 1.1%
หุ้นกลุ่มบริษัทพนันออนไลน์ร่วงลง หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทมส์รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมธุรกิจการพนัน โดยหุ้นแพดดี้ เพาเวอร์ เบทแฟร์ ร่วงลง 2.1% หุ้นวิลเลียม ฮิลล์ ดิ่งลง 12% หุ้นแลดโบรกส์ โครัล กรุ๊ป ร่วงลง 7.9% และหุ้นจีวีซี โฮลดิ้งส์ ลดลง 1.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดตัวขึ้น 1.2%
ส่วนหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า ไทเกอร์ โกบอล ซึ่งเป็นเฮดฟันด์รายใหญ่ของอังกฤษ ได้เพิ่มเงินลงทุนในธนาคารบาร์เคลย์สอีกกว่า 1 พันล้านปอนด์