ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 150 จุดในวันนี้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,367.19 จุด เพิ่มขึ้น 156.38 จุด หรือ 0.60%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 6% นับตั้งแต่ต้นปี โดนได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของประธานาธิบดีโดนัลดื ทรัมป์
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
ทั้งนี้ บริษัทคอมแคสต์, เบเกอร์ ฮิวจ์, แอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ และยูไนเต็ด เทคโนโลยี ต่างรายงานตัวเลขกำไร และรายได้ประจำไตรมาส 4 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 นั้น บริษัทจำนวน 77% รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 80% รายงานตัวเลขรายได้ที่สูงกว่าคาด ขณะที่ผลการสำรวจระบุว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.4% ในไตรมาส 4
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้ว่า สหรัฐเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ และการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ก็เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจอเมริกา
ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนเข้าลงทุนในสหรัฐ โดยกล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว 3% หรือมากกว่า โดยสหรัฐยังคงเป็นแหล่งที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุน
นายมนูชินระบุว่า สหรัฐให้การสนับสนุนการค้าที่เสรี และเป็นธรรม และเสริมว่าการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และไม่ขัดแย้งกับนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน"ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์