ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ในวันนี้เวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย
ณ เวลา 19.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 47 จุด หรือ 0.18% สู่ระดับ 26,423 จุด
มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ทรัมป์จะกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และเขาจะผลักดันนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน" โดยปธน.ทรัมป์จะกล่าวว่า สหรัฐจะไม่ทนต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งจะย้ำถึงการทำการค้าที่เสรี และเป็นธรรม
ปธน.ทรัมป์นับเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เข้าร่วมการประชุม WEF นับตั้งแต่ที่ปธน.บิล คลินตันเข้าร่วมการประชุมในปี 2543
ทำเนียบขาวระบุว่า เนื้อหาในสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์จะยังคงเหมือนกับที่เขาได้กล่าวในต่างประเทศในปีที่แล้ว ซึ่งก็คือ สหรัฐต้องการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตร แต่สหรัฐก็ต้องการที่จะลดการขาดดุลการค้ากับประเทศเหล่านี้เช่นกัน
"คำว่า'อเมริกาต้องมาก่อน' ไม่ได้หมายความว่า เราคำนึงถึงผลประโยชน์อเมริกาเท่านั้น เพราะว่าเมื่อเศรษฐกิจของเราขยายตัว เศรษฐกิจโลกก็ขยายตัวเช่นกัน และเมื่อเศรษฐกิจโลกขยายตัว เศรษฐกิจของเราก็ขยายตัว โดยเราเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก ซึ่งท่านประธานาธิบดีก็เชื่อในเรื่องนี้" นายแกรี่ โคห์น ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ของปีที่แล้วในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 3% ในไตรมาสดังกล่าว
หาก GDP ของสหรัฐมีการขยายตัว 3% ในไตรมาส 4 ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2558 หรือนับตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ขณะที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งเป้าว่าจะผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวปีละ 3%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 4 เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค, ภาครัฐ และภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังได้แรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และการคาดหวังเกี่ยวกับอานิสงส์จากมาตรการปฏิรูปภาษีที่สภาคองเกรสสหรัฐให้การอนุมัติในเดือนธ.ค.
เมื่อพิจารณาทั้งปีที่แล้ว มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.3% หลังจากที่เติบโตเพียง 1.5% ในปี 2559 ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวแตะระดับ 3% ในปีนี้ตามเป้าหมายของรัฐบาลทรัมป์ จากปัจจัยบวกของดอลลาร์ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล