ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง และแรงเทขายที่มีเข้ามาในพันธบัตรของรัฐบาล โดยนักลงทุนจับตาการแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจของจีน และการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 32,693.43 จุด ลดลง 273.46 จุด, -0.83% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,477.26 จุด ลดลง 152.08 จุด, -0.64% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,867.68 จุด ลดลง 2.84 จุด, -0.15%
ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
ทรัมป์ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า ในการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ เขาจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ซึ่งรวมถึงนโยบายการรับคนเข้าเมืองและนโยบายการค้า นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะพูดถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเขา ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของตลาดหุ้น และการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ย.
ด้านกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 1.59 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2517 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า มีตำแหน่งงานว่าง 159 อัตรา สำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน
สำหรับตลอดทั้งปี 2560 อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 2.8% จาก 3.1% ในปีก่อนหน้า
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับค่าแรงที่สูงขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BSI) ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ที่ 78 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งลดลง 3 จุดจากเดือนก่อนหน้า และยังลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยค่าดัชนีที่ระดับกว่าระดับ 100 บ่งชี้ว่า ผู้ที่มีมุมมองต่อเศรษฐกิจเป็นลบ มีจำนวนมากกว่าผู้มีมุมมองบวก