ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืม และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 396.12 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,197.71 จุด ร่วงลง 126.77 จุด หรือ -0.95% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,473.78 จุด ลดลง 47.81 จุด หรือ -0.87% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,587.98 จุด ลดลง 83.55 จุด หรือ -1.09%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด โดยนักลงทุนจับตาผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นสแตทออยล์ ดิ่งลง 2.2% หุ้นโททาล เอสเอ ร่วงลง 1.7% และหุ้นบีพี ดิ่งลง 1.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.3% หลังจากมีรายงานว่า หนึ่งในภูมิภาคที่ผลิตถ่านหินมากที่สุดในประเทศจีนได้เรียกร้องให้ผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินยกเลิกวันหยุด เนื่องจากกังวลว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนพลังงานในช่วงเทศกาลตรุษจีน
หุ้นไรอันแอร์ ปรับตัวลง 2.2% แม้มีรายงานว่าสายการบินไรอันแอร์และสมาคมนักบินอังกฤษได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนักบินก็ตาม
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษร่วงลง หลังจากหน่วยงานด้านการกำกับดูแลการเงินของรัฐบาลอังกฤษได้เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการตรวจสอบความสามารถในการจ่ายคืนเงินกู้ของลูกค้าธนาคาร โดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 2.9% หุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 2.8% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 2.7%