ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 100 จุดช่วงแรก ก่อนฟื้นตัวลดช่วงติดลบ จากอานิสงส์ตัวเลขศก.แกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 1, 2018 22:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 100 จุดในการซื้อขายช่วงแรก แต่ต่อมาสามารถฟื้นตัวขึ้น และลดช่วงติดลบ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้

ณ เวลา 22.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,148.06 จุด ลดลง 1.33 จุด หรือ 0.01%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาดวันนี้ ขานรับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นกว่า 1%

ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 5.6% ในเดือนม.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2559

ตลาดหุ้นถูกกดดันในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. โดยระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมวานนี้ว่า เฟดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในปีนี้

"คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีจะปรับตัวขึ้นในปีนี้ และมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดในระยะกลาง ขณะที่แนวโน้มความเสี่ยงในระยะใกล้ของเศรษฐกิจยังคงมีความสมดุล แต่ทางคณะกรรมการกำลังจับตาพัฒนาการของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด" แถลงการณ์ระบุ

เนื้อหาในแถลงการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อดังกล่าว แตกต่างจากเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งเฟดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และเงินเฟ้อทั่วไป "ได้ปรับตัวลง และกำลังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%"

หลังจากที่เฟดเผยแพร่แถลงการณ์หลังการประชุมเมื่อวานนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดจะเร่งการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล, อเมซอน, อัลฟาเบท และวีซ่า หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการในวันนี้

ทางด้านบริษัทไมโครซอฟท์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 2 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท โดยระบุว่ามีกำไร 96 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 86 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 2.892 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.840 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 238,000 ราย

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 152 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

ส่วนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 จากระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค. ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิต และคำสั่งซื้อใหม่ แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจดีดตัวขึ้นเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ