ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 100 จุด หลังดิ่งหนักช่วงแรก หุ้นเฟซบุ๊กดีดตัวรับผลประกอบการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 2, 2018 00:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังจากดิ่งลงอย่างมากในการซื้อขายช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของเฟซบุ๊ก หลังเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง

ณ เวลา 00.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,274.94 จุด บวก 125.55 จุด หรือ 0.48%

หุ้นกลุ่มการเงิน และพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้

ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 5.6% ในเดือนม.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2559

ตลาดหุ้นถูกกดดันในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. โดยระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมวานนี้ว่า เฟดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในปีนี้

อย่างไรก็ดี การที่ราคาหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 4% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด

เฟซบุ๊กเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 4 โดยระบุว่ามีกำไร 2.21 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.95 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 1.297 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.255 หมื่นล้านดอลลาร์

ทางด้านบริษัทไมโครซอฟท์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 2 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท โดยระบุว่ามีกำไร 96 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 86 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 2.892 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.840 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล, อเมซอน, อัลฟาเบท และวีซ่า หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการในวันนี้

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 238,000 ราย

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 152 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

ส่วนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 จากระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค.

ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิต และคำสั่งซื้อใหม่ แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจดีดตัวขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ชะลอตัวสู่ระดับ 59.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 59.3 ในเดือนธ.ค. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.5

ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งส่งออก ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่, การผลิตและการจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ผลสำรวจบรรดากลุ่มอุตสาหกรรม 18 กลุ่มในภาคการผลิต พบว่า 14 กลุ่มมีการขยายตัวในเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ