ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทยักใหญ่อย่างโวดาโฟน หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังคงสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,490.39 จุด ลดลง 43.16 จุด หรือ -0.57%
หุ้นโวดาโฟนร่วงลง 4.5% ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี FTSE 100 หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.5% แม้บริษัทเปิดเผยกำไร 4.3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 140% เมื่อเทียบกับระดับ 1.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2559 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.24 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนกังวลว่าการแข็งค่าของเงินปอนด์อาจสร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น หลังจากผลสำรวจของเนชั่นไวด์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% โดยหุ้นเทย์เลอย์ วิมพีย์ พุ่งขึ้น 1% และหุ้นเพอร์ซิมสัน ขยับขึ้น 0.6%
ส่วนหุ้นยูนิลีเวอร์ ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในปี 2560 เพิ่มขึ้น 9% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2561